เคยสงสัยรึเปล่า ทำไมคนเข้าใช้งานก็ไม่เยอะ ทำไมใช้แรมไปตั้งหลาย GB?
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
สิ่งที่สงสัยนั้นเป็นเรื่องปกติมากๆของระบบปฏิบัติการ Linux เนื่องจาก Linux จะนำ Memory ที่เหลือจากการใช้งานที่มันว่างๆอยู่เอามาทำ disk caching (หรือเรียกง่ายๆว่า อะไรที่ต้องใช้ประมวลผลในการแสดงผล เอามาใส่บนแรมซะเลย เวลาอ่านก็อ่านจากแรม ไวกว่าเห็นๆ) ถึงแม้ว่าจากกราฟจะเห็นได้ว่า เฮ้ยยย แรมมันเหลือน้อยนะ แต่ไม่ต้องตกใจไป ทุกอย่างยังปกติดี !!
จะรู้ได้อย่างไรว่ามันใช้จริงเท่าไหร่แล้วเอาไปทำแคชเท่าไหร่?
บนบริการ WordPress Cloud เราจะมีค่าดังกล่าวให้ดูว่าใช้แรมจริงๆอยู่เท่าไหร่ แล้วเป็นแคชหรือบัฟเฟอร์อยู่เท่าไหร่
ซึ่งกดได้ที่เมนู “Monitoring” บนหน้าจัดการ ส่วนหน้าตาเป็นยังไงนั้น ดูกราฟข้างล่างได้เลย
จากภาพ จะเห็นว่า ค่าที่แสดงทั้งหมดมีสามค่า ดังนี้
- Free – ค่านี้ตรงตัว คือแรมที่เหลืออยู่ จากกราฟจะเห็นว่าว่างอยู่ถึง 2700MB (ราวๆ 2.7GB)
- Cache + Buffer – ค่านี้คือค่าที่ Linux โหลดข้อมูลและไฟล์ต่างๆไปเก็บไว้บน RAM จากกราฟจะเห็นว่ามีเอาไปเก็บ Cache + Buffer อยู่ถึง 4200MB (ราวๆ 4GB)
- Used – คือค่า RAM ที่มีการใช้งานจริงๆ จากกราฟจะเห็นว่าใช้งานเพียง 1015MB (ราวๆ 1GB เท่านั้นเอง)
แล้วอย่างนี้จะรู้ได้ยังไงว่าแรมเต็มจริงหรือมันเต็มเพราะแคช?
แรมจะเต็มดูได้จากข้อมูลข้างล่างนี้ประกอบกันไปคือ
- ค่า Free ใกล้จะเป็น 0
- ค่า Used ใกล้จะเต็ม (จากกราฟด้านบนก็คือ 8GB) ถ้าใกล้ 8000MB เมื่อไหร่คือเต็มจริงๆละ
- ค่า Free และค่า “Buffer + Cache” รวมกันแล้วเหลือไม่ถึง 20% ของ RAM ที่มีทั้งหมด
ยังมีค่าอื่นๆที่ต้องดูประกอบอีก อย่างเช่น
- ค่า Free และค่า Buffer + Cache รวมกันแล้วใกล้จะเป็น 0
- มีการใช้งาน Swap memory ตลอดเวลา
- รันคำสั่ง “dmesg | grep oom-killer” ภายใน OS แล้วเจอผลลัพธ์แสดงออกมาเยอะๆ
ถ้าหากต้องการให้ยืนยันว่าแรมหมดจริงหรือมันแค่แคชอยู่ ทำอย่างไรได้บ้าง?
ติดต่อซํพพอร์ทเพื่อให้ซัพพอร์ทตรวจสอบได้เลยครับผม